เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังคอร์สที่สวนยินดีธรรม สุราษฎร์ธานี อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม ออกเดินทางเพื่อหาสถานที่สงบเพื่อจะปลีกวิเวกหลังจากเดินทางเปิดคอร์สและบรรยายธรรมติดต่อกันเป็นเวลานาน จึงตั้งใจเดินทางมาพักค้างในป่าเขาพลายดำซึ่งเคยได้ยินว่าเป็นสถานที่สงบและยังคงความเป็นป่าที่ สมบูรณ์ เมื่อขึ้นไปถึงศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเขาพลายดำ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ได้ทำหนังสือแจ้งมาล่วงหน้าจึงไม่สามารถให้พักค้างได้ จึงเดินทางกลับลงมาเวลา 6 โมงเย็น ใกล้จะค่ำแล้วจึงเริ่มมองหาสถานที่ที่จะกางเต็นท์พักแรมแถวๆริมทะเล เมื่อซับผ่านร้านอาหารครัวบางปอซึ่งอยู่ติดถนนบรรยากาศดูเงียบสงบดี จึงกลับรถและเลี้ยวเข้าไปขอพักกางเต้นท์ค้างแรมสักคืน เจ้าของร้านอนุญาตจึงกางเต้นท์พักแรมที่ใต้ต้นหูกวางใหญ่ด้านหน้าชายหาด (ปัจจุบันอยู่หน้าบ้านไทย ริมทะเล) ก่อนเดินทางกลับได้พูดคุยกับเจ้าของร้านและถามคำถามที่เพียงอยากรู้ว่า “ที่ดินแถวนี้เป็นอะไรกัน?” ได้รับคำตอบจาก เจ้าของร้านว่า “นส.3ก” “ที่นี่จะขายนะ””ไร่ละ 2 ล้านกว่า” บทสนทนาจบลงตรงนั้น และ อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม ก็เดินทางออกไป นั่นเป็นเพียงคำเสนอลอยๆ ที่ไม่มีการตอบสนองในเวลานั้นใครจะไปคาดคิดว่าบทสนทนาประโยดนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของ “สวนยินดีทะเล”ในปัจจุบันนี้

เกาะพะลวย
เดือนสิงหาคม พ.ศ.2558 เป็นช่วงเข้าพรรษาซึ่งมีการบวชอุบาสิกาใจพระรุ่นที่ 2 อยู่ เพราะช่วงนั้นอุบาสิกาไปพักที่วัดวังเนียง ในเช้าวันที่ 10 กันยายน มีความรู้สึกอยากจะหาสถานที่ที่เป็นป่าเขาไกลจากผู้คนเพื่อไปพักปลีกวิเวก เริ่มคิดว่าจะไปที่ไหนดี อยู่ๆ คำๆ หนึ่งผุดขึ้นมาในใจว่า “เกาะพะลวย”
เกาะพะลวย คือเกาะแห่งหนึ่ง อยู่ในหมู่เกาะอ่างทอง ไม่ไกลจากสวนยินดีทะเลมากนัก ขับเรือมาจาก สวนยินดีสิชล ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร เมื่อเข้าสำรวจเกาะแห่งนี้ ทันทีที่เข้าไปเรื่อยๆ รู้สึกถึงความสงบมากๆ จึงเกิดความคิดเกิดขึ้นว่า “ทำไมเกาะแห่งปีราวกับไม่มีเวลาเลย” ความรู้สึกข้างในระทึกใจอย่างบอกไม่ถูก ดังจะเห็นได้จากบทสนทนาที่ได้ส่งข้อความคุยกับทีมงานเลขา – คุณณัฐสุดา (เอ๋) และ
คุณธิรดา (เบียร์) ในเวลานั้น
อาจารย์ : น่าอยู่จริงๆ ผมรู้สึกเบามากเลย พอเข้ามาที่นี่ เหมือนโลกย้อนหลังไป30ปี นี่มัน
เหมือนอีกโลกนึง โลกที่นี่หมุนช้ามาก
คุณณัฐสุดา (เอ๋) : ค่ะ อาจารย์ ดูเป็นเกาะปลอดมลพิษนะคะ
คุณธิรดา (เบียร์) : ค่ะอาจารย์ ติดต่อที่พักเรียบร้อยแล้วค่ะ
จากนั้นพักค้างที่รีสอร์ท ผอ.พีระพล และได้เล่าให้ฟังว่า มาที่นี่เพื่อหาสถานที่ปลีกวิเวก ผอ.จึงพา ขึ้นมาดูที่ดินซึ่งก็คือที่ดินปัจจุบันของสำนักฯ
ยังคงจำวันนั้นได้ดีที่เราเดินเท้ากันขึ้นมา อากาศที่ร้อนและความเหนื่อยล้า จากทางเดินที่เป็นดินแดงและมีป่ารก แต่เมื่อถึงบริเวณที่ดินแปลงนี้ ทุกคนเกิดความรู้สึกเหมือนกัน อากาศเย็นมากเหมือนเราเดินเข้าไปในห้องแอร์ ผอ.ซึ่งนำทางมาจึงพูดขึ้นมาว่า “อาจารย์..เป็นไปได้ไหมว่าสถานที่นี้มีไว้เพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรม.. จึงเย็นอย่างนี้” ผมตอบแบบทันทีพร้อมรอยยิ้มว่า”แน่นอน!”
จากนั้นจึงตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงนี้ (ในราคา
230,000 บาท/ไร่ เนื้อที่ 8 ไร 3 งาน 88 ตร.ว.)
เมื่อกลับไปช่วงก่อนที่อุบาสิกาใจพระรุ่นที่ 2 จะสึกในช่วงออกพรรษาจึงพาอุบาสิกามาที่เกาะพะลวย เหล่าอุบาสิกาเห็นว่าสถานที่บนเกาะนี้สงบร่มเย็นจึงมีการระดมเงินก้อนแรก เพื่อให้มีการสร้างสถานที่แห่งนี้มา ดังนั้นจากความคิดที่จะหาที่ปลีกวิเวก จึงเปลี่ยนกลายเป็น ธุดงคสถานมัคคานุคาวิเวก ก.พะลวยให้ทุกท่านได้มาปฏิบัติภาวนาในวันนี้
การก่อสร้างเริ่มต้นขึ้นโดยคุณแม่ยินดี ได้เรียกประชุมทีมช่างทั้งหมด 3 ชุด แบ่งงานกันทำ เมื่อถึงวันที่ 1 มกราคม 2559 งานก่อสร้างก็เริ่มต้น การก่อสร้างเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ การเดินทางจากพื้นด้านล่างขึ้นมาบนยอดเขาเป็นไปอย่างยากลำบาก อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างต้องขนโดยจ้างเรือขนเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจึงแพงกว่าบนฝั่งเป็นเท่าตัว ช่วงที่มาคุมงานก่อสร้างต้องมานอนกันอยู่ในป่าพร้อมกัน คุณลิงค์ สถาปนิกโครงการ มาช่วยกันปรับแบบก่อสร้างต่างๆ ให้
เป็นไปอย่างเหมาะสมกับสถานที่ให้มากที่สุด จนมาเป็นภาพที่เราได้เห็น และในช่วงที่มีการก่อสร้าง การจัดคอร์สปฎิบัติที่ต่างๆ ก็ดำเนินไปไม่สามารถหยุดได้ ยังคงจัดอยู่ตามปรกติทั้งในประเทศและต่างประเทศ
งานก่อสร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในเวลาเพียง 8 เดือน ทุกคนที่มาร่วมกันทํางานทํากันอย่างเต็มที่ ทุกปัญหาแก้ไขได้ด้วยปัญญา และในระหว่างการก่อสร้างทุกคนก็อยู่อย่างปลอดภัย จนสามารถทำงานจนเสร็จลุล่วงจนมาเป็นวันนี้
จากเช้าวันนั้นที่คำว่า”เกาะพะลวย!”ดังขึ้นในใจ ได้เกิดเป็นจุดเริ่มต้นให้มีสถานปฏิบัติภาวนา ให้เกิดประโยชน์ต่อทุกคนเพื่อจะได้มีสถานที่ที่สัปปายะในการปฏิบัติตามทางแห่งอริยมรรคมีองค์ 8 ขัดเกลากิเลสด้วยธุดงควัตร ๑๓ เพื่อสืบสานคำสอน และการปฏิบัตขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และบูรพาจารย์ให้ยังคงอยู่คู่โลก เพื่อให้หนทางออกจากทุกข์ยังคงมีอยู่สืบไป
จึงขออนุโมทนากับผู้ที่ร่วมก่อตั้งทุกท่านที่ได้สละทรัพย์ ใช้กําลังกาย กําลังปัญญา
ช่วยกันจนเกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่นำมาผสานรวมกัน
พร้อมกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่เป็นหน้าที่ของพวกเรา ที่จะผลักดันให้พระธรรม
ได้รับการสืบสานต่อไป จนส่งผลให้เกิดเป็นสถานที่แห่งนี้ที่ได้เสร็จลุล่วงสมบูรณ์
ขอทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการสร้างสถานที่แห่งนี้ รวมถึงผู้ที่เข้ามาปฏิบัติภาวนา
ณ ธุดงคสถาน มัคคานุคาวิเวก ก.พะลวย จงได้รับอานิสงส์แห่งบุญนี้ และขออานิสงส์แห่งบุญนี้
จงเป็นปัจจัยให้ทุกท่านเดินทางจนถึงที่สุด แห่งทุกข์โดยทั่วกันทุกๆ ท่านด้วยเทอญ.
บันทึกเล่าไว้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2559 เวลา 04.04 น.
หมายเหตุ จนถึงวันนี้ 20 สิงหาคม 2559 ที่ดินของสำนักฯ เพิ่มเป็น 14 ไร่แล้ว