ถ้าจะทำความรู้จักโลกใบนี้ ต้องไม่ยึดมั่นในตำบลอำเภอที่เรายืนอยู่ แต่อาศัยเม็ดดิน เม็ดทรายที่ใต้ฝ่าเท้าเรานั่นแหละ ที่จะเรียนรู้โลกใบนี้? แต่หากยึดมั่นในเม็ดดินเม็ดทรายใต้ฝ่าเท้านี้ จะได้แค่ความรู้ทางธรณีวิทยา ไม่รู้จักโลก ความหมายคืออะไร “ถ้าจะทำความรู้จักโลกใบนี้“ ภาษาโลกหรือภาษาธรรมในประโยคแรก แทบจะทับเป็นความหมายเดียวกัน เพราะจะให้เป็นโลกใบนี้หรือขันธโลกก็ได้ “ต้องไม่ยึดมั่นในตำบลอำเภอที่เรายืนอยู่“ คืออย่ายึดมั่นถือมั่นในบัญญัติ ตรงนี้ความหมายเริ่มเชิงซ้อน เช่นถ้ามัวยึดมั่นว่าเราอยู่อำเภอนี้ เราจะไม่รู้จักอำเภออื่นๆ ทั้งๆ ที่คำว่าอำเภอหามีไม่ ไม่อย่างนั้นรู้จักบริเวณที่เราอยู่ก็จะรู้จักทุกๆ ที่ได้เพราะมันเหมือนกัน ในส่วนการปฏิบัติก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราดูขาด้วยความเป็นขา เราจะเข้าไม่ถึงความเป็นรูป ถ้าผู้ดูก็เป็นเรา ก็จะไม่เข้าใจนามธรรมที่แท้จริง “แต่อาศัยเม็ดดิน เม็ดทรายที่ใต้ฝ่าเท้าเรานั่นแหละ ที่จะเรียนรู้โลกใบนี้ “ แต่การเรียนรู้โลกนี้ทั้งหมด กลับอาศัยเพียงเม็ดดิน เม็ดทรายเล็กที่แสดงผลออกมาเป็นไตรลักษณ์ เป็นเครื่องพากลับไปสู่ความเป็นรูปนาม เมื่อเข้าใจรูปนามที่เม็ดดิน เม็ดทราย ก็จะไปเข้าใจทั้งโลกนี้ได้เช่นกัน เพราะมาจากกำเนิดเดียวกันและอยู่ใต้กฎเดียวกัน “แต่หากยึดมั่นในเม็ดดินเม็ดทรายใต้ฝ่าเท้านี้ จะได้แค่ความรู้ทางธรณีวิทยา ไม่รู้จักโลก“ แต่หากศึกษาด้วยความยึดมั่นว่า “ดิน” โดยความเป็น “ดิน” ก็จะเข้าไปไม่ถึง “ดิน” ที่แท้จริง เพราะ “ดิน” ที่แท้จริงนั้น จริงๆไม่เคยใช่ “ดิน” แต่เป็นเพียงเหตุปัจจัยสร้างความแปรเปลี่ยนมาเป็นสิ่งที่เราเรียกสภาพชั่วคราวนั้นว่า “ดิน” แต่มันเองก็ไม่ใช่ “ดิน” และไม่เคยเป็น “ดิน” แต่ก็คือ “ดิน” แต่หากมัวแต่ยึดมั่นถือมั่นในความเป็นดิน และข้ารู้เรื่องดิน ข้าเป็นผู้รอบเรื่องดิน ก็ยังเป็นเพียงผู้รู้ ผู้มีสัมมาทิฏฐิ ก็จะเป็นเพียงคนที่มีความรู้เรื่องดินเรื่องทราย หารู้จัก “โลก” ที่แท้จริงไม่ ยังไม่สามารถเข้าสู่ที่สุดแห่งทุกข์ได้ จนกว่าจะวางสติ วางปัญญาลงนั่นล่ะเพราะความเห็นถูกจนที่สุดจนเกิดผลเป็นสัมมาญานและสัมมาวิมุตติ นั่นจึงจะเป็นที่สงบเย็นอย่างแท้จริง ถ้าเป็นจอมยุทธ์ อาจจะบอกว่า “ดิน ทราย โลก มีแต่ธรรม” หรือ “จะไปสนใจทำไม ของเป็นทุกข์ ยิ่งยุ่งด้วย ยิ่งพาทุกข์” นี่คือการซัดกระบี่กลับไป ซึ่งผู้พูดจะรู้ทันทีว่าคนที่สนทนาด้วยไม่ธรรมดาแต่เริ่มกลับสู่ธรรมดา …คำตอบทั้ง 2 คำตอบแรกมุ่งไปที่การปฏิบัติมากไปนิด มองไม่เห็นภาพกว้างจริงๆ ถ้าออกมาจากจิตจริงๆ สภาพวิญญานดับ สติ ปัญญา นามรูป ดับ แต่คำตอบสุดท้าย เข้าไปใกล้ความจริงของธรรมชาติมากๆ ที่เรียกว่า นิพพาน เพราะวางสิ้นแม้ตัวตนไม่มีผู้เป็นเจ้าของสภาพใดๆทั้งสิ้น สลายคืนสู่ธรรมชาติเข้าถึงสุญญตา ที่เหลือก็ไปทำให้เกิดตามสิ่งที่เข้าใจซะ จอมยุทธทั้งหลาย..ไปหัดขว้างกระบี่ด้วย 2013-09-25
